ในวันที่ประเทศไทยมีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดพุธที่ 23 มีนาคม 2565 เพิ่มขึ้น +25,164 คน ซึ่งแน่นอนมีผมเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น
ก่อนหน้าที่จะทราบว่าติดเชื้อโควิด 19 ได้มีการตรวจ ATK ก่อนออกไปทำงาน 2 วันติดกันทั้งจันทร์และอังคาร ผลออกมายังคงเป็นลบ ที่ตรวจเพราะวันอาทิตย์ไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการซึ่งมีศาสนิกชนไปทำบุญกันเยอะมาก กลับมาก็ยังไม่มีอาการผิดปกติใดๆ มารู้สึกผิดปกติเอาตอนบ่ายของวันอังคารที่ 22 สังเกตุได้ว่าอาการท่าจะไม่ดีเพราะครั่นเนื้อครั่นตัว มึนหัว เหมือนเมาค้าง แข้งขารู้สึกล้า ข้อเท้าข้อเข่าและกล้ามเนื้อโดยเฉพาะตรงน่อง รู้สึกปวดเมื่อย มีอาการคอแห้งและไอเล็กน้อย เลยตัดสินใจรีบขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางแวะร้านขายยา ซื้อยาพารา ยาแก้ไอ ยาอมแก้เจ็บคอยาละลายเสมหะ วิตามินซีผสมซิงค์ และครีมนวดแก้ปวดกล้ามเนื้อ 1 หลอด
แนะนำซื้อติดบ้านไว้ก่อนที่จะติดโควิด
ตอนแวะซื้อยาก็ยังไม่คิดว่าเป็นโควิด คิดว่าเป็นไข้ธรรมดา ซื้อยามากิน นอนพักสักสองสามชั่วโมงตื่นมาก็น่าจะหาย เพราะตรวจ ATK ตอนเช้าแล้วก็ขึ้นขีดเดียว ที่เมื่อยล้ากล้ามเนื้อคงเพราะออกไปปั่นจักรยานเมื่อวันเสาร์ อากาศร้อนร่างกายคงอ่อนแอ
แต่ในที่สุดเมื่อตื่นมาตอนค่ำไข้กลับไม่ลด ปวดหัวหนักขึ้น ไอถี่ขึ้นแต่ยังไม่เจ็บคอ ก็เริ่มสงสัยแล้วว่าไม่น่าจะเป็นไข้ธรรมดาเหมือนที่เคยเป็น ลูกสาวเอาชุดตรวจ ATK มาตรวจให้…โป๊ะเชะ !! ขึ้นสองขีดชัดเจนไม่มีเลือนลาง… วงแตกสิครับทั่น ลูกเมียหน้าตาเหวอ ผมก็รีบโทรแจ้งผลลูกน้องที่ทำงาน บุคคลที่เจอกันก่อนหน้านี้ ขอโทษขอโพยที่ทำให้ทุกคนต้องตกอยู่ในความเสี่ยง ส่วนตัวก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมแยกที่นอนทันที
ปฏิบัติการสู้โอมิครอนเริ่มต้นขึ้นด้วยการกินข้าวเย็นจนอิ่ม จากนั้นกินยาฟ้าทะลายโจร 3 เม็ดตามโดสที่ระบุไว้ข้างกระปุก ตามด้วยวิตามินซีชนิดเม็ดฟู่ผสมธาตุสังกะสี (C+Zinc) ยาละลายเสมหะ ยาแก้แพ้ ตามด้วยทาครีมนวดแก้ปวดตามข้อเข่า ข้อศอก ข้อเท้า ข้อมือ กล้ามเนื้อน่อง กล้ามเนื้อไหล่ เพื่อไม่ให้ปวดเมื่อย โทร.1330 สายด่วนโควิด แจ้ง สปสช.เพื่อเข้าโครงการ Home Isolation คือกักรักษาตัวเองอยู่ที่บ้าน แล้วแยกที่นอนออกจากครอบครัว
4 Steps “HOME Isolation”
เข้าสู่ระบบการรักษาตัวที่บ้าน ทำยังไง
1.เมื่อรู้ว่า เสี่ยง หรือ มีอาการใกล้เคียง
ใช้ชุดตรวจโควิด (Antigen Test Kit*) ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ด้วยตนเองหรือตรวจจากหน่วยตรวจโควิดเชิงรุก
*ชุดตรวจโควิดใช้ชนิดตรวจได้ด้วยตนเอง (Home Use) เท่านั้นโดยเป็นการตรวจผ่านโพรงจมูกหรือน้ำลาย
2.หากผลตรวจเป็นบวก (ติดเชื้อ)ให้ติดต่อ 1330 กด 14 สายด่วน สปสช. หรือ Add Line สปสช. @nhso หรือกรอกข้อมูลผ่านแบบฟอร์ม https://crmsup.nhso.go.th
3.รอเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ หลังจากจับคู่ผู้ป่วยกับคลินิกศูนย์บริการสาธารณสุข หรือโรงพยาบาลที่จะรับหน้าที่ดูแลผู้ป่วยในระบบ Home Isolation
4.แพทย์ทำการวินิจฉัย หากอยู่ในกลุ่มไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย (กลุ่มสีเขียว) สามารถเข้าสู่ระบบ Home Isolation ได้
โดยจะได้รับ
– ยาฟ้าทะลายโจร และยาพื้นฐานอื่นๆ
– เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว
– ปรอทวัดไข้
– อาหาร 3 มื้อ
– แพทย์ติดตามอาการด้วย Video Call 2 ครั้ง/วัน
ข้อมูล ณ วันที่ 8 ส.ค. 2564 โดย สปสช.
รุ่งขึ้น แพทย์และพยาบาลของศูนย์การแพทย์แห่งหนึ่งโทรมาเพื่อสอบถามอาการจากนั้นแนะให้เรากักตัวแยกห้องห้ามออกจากบ้านไปไหนมาไหนเด็ดขาดแล้วให้รอยาและอุปกรณ์การดูแลรักษาตัวเองมาทางไปรษณีย์พร้อมกับให้ลงทะเบียนแอดไลน์สำหรับใช้ติดต่อรายงานผลกับเจ้าหน้าที่ พยาบาล และหมอทางแอปปลิเคชั่นไลน์
ยาจากศูนย์การแพทย์เดินทางมาส่งถึงบ้านช่วงบ่ายวันที่ 24 โดยทุกอย่างบรรจุอยู่ในกล่องขนาดย่อม สมมุติว่า ที่บ้านไม่มียาฟ้าทะลายโจร และไม่มียาอีกหลายชนิดตามที่เกริ่นไว้แต่แรกติดบ้านไว้ ผมคงต้องรอกินยาที่ส่งมา นั่นก็แปลว่ากว่าจะได้กินยาหลังจากทราบผลว่าติดโควิดก็ต้องใช้เวลาผ่านไปเกือบ 2 วัน ซึ่งอาจทำให้อาการป่วยหนักขึ้น แต่โชคดีที่เหตุการณ์นี้เป็นไปตรงข้าม ผมรีบจัดการกับอาการไข้ อาการไอ โดยใช้ยาทั้งหมดที่ซื้อมาจากร้านขายยาบรรเทาอาการลงได้ตั้งแต่เช้าวันที่ 24 เมื่อยาจากหมอมาถึงก็กินยาที่หมอส่งมาให้ต่อได้เลย แต่ผมเริ่มต้นด้วยฟ้าทะลายโจร ก็กินต่อจนครบ 5 วัน ไม่กินยาฟาวิพิราเวียร์ เพราะอาการผมไม่หนักเข้าข่ายผู้ป่วยสีเขียว อีกอย่างหนึ่งที่ตัดสินใจไม่กินฟาวิพิราเวียร์เพราะหมอบอกว่ามันจะทำให้ตับอักเสบได้ ผมเป็นโรคตับอยู่แล้วเลยไม่กล้ากิน ใช้แต่ยาฟ้าทะลายโจรเท่านั้น
ทุกวันเวลา 9 โมงเช้าจะต้องวัดค่าออกซิเจนในเลือด วัดค่าการเต้นหัวใจ และวัดอุณภูมิร่างกาย โดยใช้อุปกรณ์ที่ศูนย์การแพทย์ส่งมาให้ ส่วนเรื่องอาหารการกินทางศูนย์ให้เลือกว่าจะให้จัดอาหารกล่องมาให้ทุกเช้าวันละ 3 กล่องสำหรับ 3 มื้อ หรือจะเลือกโค๊ดคูปองอาหารสำหรับสั่งทาง GRAB FOOD ก็ได้ ผมเลือกเอาแบบหลังเพราะสามารถเลือกสั่งอาหารเองได้ ถ้าแบบแรกเราเลือกไม่ได้ ส่งมาอย่างไรต้องทานอย่างนั้น
คุณหมอของศูนย์การแพทย์ที่ดูแลการรักษาได้โทรมาให้คำแนะนำโดยย้ำว่าเราจะต้องกักตัวรักษาตัวอยู่อกับบ้าน 10 วันคือเริ่มนับตั้งแต่พบว่าติดโควิดคือวันที่ 22 ไปสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม หมอให้เริ่มกลับไปทำงานตามปกติได้ 1 เมษายน จุดสำคัญคือจะต้องรักษาอาการไอให้หายโดยเร็วที่สุดเพราะเชื่อว่าถ้าไอมาก ไอจนคออักเสบ ก็น่าจะส่งผลให้อาการรุนแรงขึ้นแน่ๆ จึงเคร่งครัดในการกินยาแก้ไอและยาละลายเสมหะ ครบทุกมื้อ กินวิตามินซีทุกวัน และดื่มน้ำตลอดเวลาเพื่อไม่ให้คอแห้ง ซึ่งก็ได้ผล ผมไม่เจ็บคอเลย และก็ดูเหมือนว่าอาการทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆ แค่ 5 วันร่างกายก็เหมือนกับฟื้นคืนเป็นปกติแล้ว และทั้งหมดก็เป็นประสพการณ์ติดโควิดที่ชีวิตนี้ไม่จำเป็นต้องติดก็ได้เพราะมันก็เสี่ยงที่จะลงปอดและมีอาการรุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาล …การไม่ติดโควิด จึงเป็นแนวทางที่ดีที่สุด !